โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการพัฒนาพื้นที่เขื่อนขุนด่านปราการชลจังหวัดนครนายก
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่โครงการเกษตรชลประทาน มุ่งหวังให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการพึ่งพาตนเองได้ มีกิจกรรมการผลิตที่ยั่งยืน โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เน้นให้
มีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการพื้นที่และกิจกรรมการผลิตได้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้มีผลผลิตสูง มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี มีแนวทางการดำเนินงานการจัดการพื้นที่ และมีกิจกรรมการผลิต รวมถึงการทำการเกษตรที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในพื้นที่ที่จำกัดของเกษตรกร

โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯสยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดนครนายก
เนื่องในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในพุทธศักราช 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอพระราชานุญาต จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กราบบังคมทูลถวายและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์และทรงพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ โดยเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2545 ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เป็นวิธีการดำเนินงานอย่างหนึ่งที่สามารถทำ ให้การบริการทางวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บรรลุผลสำเร็จตามภารกิจที่รับผิดชอบ โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็วทั่วถึงและครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัย โรคพืช โรคสัตว์โรคสัตว์น้ำ และการให้วัคซีนป้องกันโรค รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะบูรณาการการทำงานระหว่าง นักวิชาการเกษตรของหน่วยงานต่าง ๆ ในแต่ละสาขา ทั้งด้านพืช สัตว์ประมง ดิน และน้ำ ฯลฯ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางวิชาการด้านต่าง ๆ มาให้บริการในคลินิกเกษตรโดยสามารถเคลื่อนที่เข้าไปได้ถึงในระดับตำบลเพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้ารับบริการทางการเกษตรได้อย่างถูกต้องครบถ้วนทุกด้านในคราวเดียวกัน


โครงการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก
ในปี 2540 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้พระราชทานพระราชดำริกับนายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาให้ประสานกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าพิจารณาหาพื้นที่ว่างเปล่ามาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่หลักการ “พออยู่ พอกิน”ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาจึงร่วมกับโรงเรียนนายร้อย
พระจุลจอมเกล้าจัดหาพื้นที่ว่างเปล่า ได้จำนวน 15 ไร่ เป็นพื้นที่ทำนาประมาณ 9 ไร่ โดยศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีเป็นผู้รับผิดชอบด้านการปลูกข้าว ดำเนินการมาตั้งแต ่ปี 2540 ทั้งนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงหว่าน ปกกดำและเกี่ยวข้าว โดยทรงดำเนินการครบทุกขั้นตอนในการปลูก ณ แปลงนาสาธิต
ในปี 2548 คณะทำงานได้ดำเนินปรับพื้นที่ที่เหลือ จำนวน 6 ไร่ ให้เป็นแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสานครบวงจร เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงและเกษตรกรโดยทั่วไปได้เข้ามาศึกษาดูงานด้านการเกษตรทั้งการทำนา การปลูกผัก การปลูกไม้ผล การเลี้ยงปลาและปศุสัตว์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงาน กปร.ทั้งนี้ ผลผลิตที่ได้จากแปลงนา ส่วนหนึ่งนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับแจกจ่ายให้กับเกษตรกร อีกส่วนหนึ่งจะสีเป็นข้าวสารพระราชทานให้กับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียง
สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก ได้ร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าโดยดำเนินการดูแลรักษาพัฒนาแปลงเรียนรู้ภายในฟาร์ม และดูแลแปลงอนุรักษ์รวบรวมพันธุ์ไม้ผล พันธุ์ไม้หายากหรือพันธุ์ท้องถิ่นภาคใต้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาดูงานต่อไป

โครงการรเกษตรรวมใจอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครนายก
จากกระแสพระราชดำริของพลเอกหญิง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554 ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก และมีพระราชกระแสรับสั่งฯ กับผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และเจ้ากรมทหารการสัตว์ ให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยจัดทำศูนย์เรียนรู้แปลงปลูกพืชเพื่อเป็นคลัง อาหารสำหรับเลี้ยงนักเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้สนองพระราชดำริในโครงการเกษตรรวมใจอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาตั้งแต่ ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยดำเนินการภายใต้บทบาทภารกิจของงานส่งเสริมการเกษตร ที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ของโครงการหลักทั้งในด้านส่งเสริมการประกอบอาชีพด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน ด้านการสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการฯ ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยครอบคลุม เป้าหมายทั้งทหาร และประชาชน สนับสนุนในด้านความรู้ ด้านการประกอบอาชีพทางการเกษตรอย่าง ปลอดภัยและถูกต้อง เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นปัจจุบัน การสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้มุ่งบรรลุผลสำเร็จในการขยายผลสู่การปฏิบัติของเกษตรกร โดยเกษตรกรสามารถนไองค์ความรู้ไปปรับใช้ในการทำการเกษตรและน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต สถานที่ดำเนินการแปลงไม้ผล สวนสมุนไพร เกษตรทฤษฎีใหม่ แปลงปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ และแปลงไฮโดรโปรนิกส์ พื้นที่ 46 ไร่ ณ โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก

โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนครนายก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้มีการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชด าริขึ้นตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศจำนวน 6 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ สกลนคร ฉะเชิงเทรา จันทบุรี เพชรบุรี และจังหวัดนราธิวาส ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีลักษณะปัญหาที่เฉพาะและแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ให้เป็นตัวแทนของแต่ละภูมิภาคในการศึกษาค้นคว้า ทดลอง วิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาต่าง ๆ ที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมแล้วขยายผลความสำเร็จไปสู่ประชาชน โดยเมื่อศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ แต่ละศูนย์ได้ด าเนินการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และวิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และสังคมวิทยาของแต่ละภูมิภาค พร้อมทั้งคัดเลือกผลการศึกษา ทดลอง วิจัย ที่ประสบผลสำร็จ มาจัดทำเป็นบัญชีหลักของแต่ละศูนย์ศึกษาฯ พร้อมจัดทำคู่มือในแต่ละเรื่อง เพื่อนำไปส่งเสริมหรือขยายผลสู่ราษฎรอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป สามารถสรุปแนวทางและวัตถุประสงค์ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ได้ ดังนี้
1. ทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ จึงเปรียบเสมือน “ตัวแบบ” ของความสำเร็จที่จะเป็นแนวทางและตัวอย่างของผลสำเร็จให้แก่พื้นที่อื่น ๆ โดยรอบได้ทำการศึกษา
2. การแลกเปลี่ยนสื่อสารระหว่างนักวิชาการ นักปฏิบัติ และประชาชน การศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัยต่าง ๆ ที่ได้ผลแล้ว ควรจะน าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่จริงได้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ควรเป็นแหล่งผสมผสานวิชาการและการปฏิบัติ เป็นแหล่งความรู้ของราษฎร เป็นแหล่งศึกษาทดลองของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาระหว่างคน 3 กลุ่ม คือ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ซึ่งท าหน้าที่พัฒนาส่งเสริม และราษฎร
๓. การพัฒนาแบบผสมผสาน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ เป็นตัวอย่างที่ดีของแนวความคิดแบบสหวิทยาการ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในพื้นที่นั้น ๆ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ แต่ละแห่งจะเป็นแบบจำลองของพื้นที่และรูปแบบการพัฒนาที่ควรจะเป็น เพื่อเป็นตัวอย่างว่าในพื้นที่และรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ลักษณะหนึ่ง ๆ นั้น จะสามารถใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้โดยวิธีใดบ้าง มิใช่การพัฒนาเฉพาะทางใดทางหนึ่งแต่พยายามใช้ความรู้มากสาขามากที่สุด แต่ละสาขาให้เป็นประโยชน์เกื้อหนุนกับการพัฒนาสาขาอื่น ๆ และระบบของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ควรเป็นการผสผสานไม่เพียงเฉพาะเรื่องความรู้เท่านั้น แต่ต้องมีการผสมผสานการดำเนินงานและการบริหารที่เป็นระบบด้วย
4. การประสานงานระหว่างส่วนราชการเป็นแนวทางและวัตถุประสงค์ที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งเนื่องจากกระบวนการพัฒนาและระบบราชการไทยมีปัญหานี้ โดยพื้นฐานเป็นสิ่งบั่นทอนประสิทธิภาพและผลสำเร็จของงานลงอย่างน่าเสียดาย แนวทางการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทุกแห่งจึงเน้นการประสานงาน การประสานแผน และการจัดการระหว่างกรม กอง และส่วนราชการต่าง ๆ
5. เป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service) กล่าวคือ ศูนย์ศึกษากรพัฒนาฯ มีการศึกษาทดลอง และสาธิตให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินงานพร้อม ๆ กันในทุกด้าน ทั้งด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง ตลอดจนการพัฒนาทางด้านสังคม และงานศิลปาชีพ ในลักษณะของ“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต”เมื่อผู้สนใจเข้าไปศึกษาดูงาน โดยจะมีให้ดูได้ทุกเรื่องในบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทั้งหมด ผู้สนใจหรือเกษตรกรจะได้รับความรู้รอบด้าน อีกทั้งมีความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งน าไปสู่การได้รับประโยชน์สูงสุด

โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ตามพระราชดำริ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมาร
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารมาอย่างต่อเนื่อง ทรงมีพระราชด าริ ให้เริ่มดำเนินการ “โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน” ในโรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน นอกจากจะทำให้มีอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการบริโภคตลอดช่วงการศึกษาสำหรับนักเรียนแล้ว นักเรียนยังได้รับความรู้ด้านการเกษตร เกิดทัศนคติที่ดีต่ออาชีพการเกษตร และสามารถน าไปใช้ประกอบอาชีพได้ในอนาคต และทรงมีพระราชดำริให้ขยายผลการพัฒนาจากโรงเรียนสู่ชุมชนพัฒนาสถานศึกษาเป็นศูนย์บริการความรู้ โดยมีหน่วยงานมาร่วมบูรณาการส่งเสริมให้ครอบครัวของนักเรียนท าการเกษตรแบบผสมผสาน และส่งเสริมการแปรรูปถนอมอาหารเพื่อบริโภค เป็นการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้จากการขายผลผลิตในขั้นต่อไป
- พระราชดำรัส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557 ความว่า…อีกอย่างคือ ในชุมชนหรือครอบครัว ความตั้งใจมีอยู่ว่าไม่ใช่แค่พัฒนาโรงเรียนเท่านั้นแต่เมื่อโรงเรียนดีแล้วก็จะเป็นจุดที่ขยายโอกาสและขยายความรู้การปฏิบัติงานเข้าไปในชุมชน นอกจากให้ชุมชน เข้ามาช่วยเหลือแล้ว ก็ต้องปฏิบัติการในชุมชน เช่น งานเกษตร เพื่อให้ชุมชนสามารถได้รับผลประโยชน์นี้หรืออุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็อุตสาหกรรมในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรมขนาดเล็ก ก็สามารถให้ชุมชนปฏิบัติงานอุตสาหกรรมนั้นได้ เพราะเป็นที่ที่เราเข้าไปเห็นเข้าไปถึง อะไรที่ยังไม่ดี ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรเราก็ต้องทำหรือว่าก้าวหน้าแล้ว ก็ต้องให้ก้าวหน้าหรือดียิ่งขึ้น ให้ทุกคนพร้อมทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย ด้านความอยู่เย็นเป็นสุข ด้านจริยธรรมก็เป็นเรื่องสำคัญ…
- กรมส่งเสริมการเกษตรได้ร่วมสนองงานดำเนินโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีโดยส่งเสริมสนับสนุน และถ่ายทอดความรู้ เช่น หลักสูตรการผลิตพืช การขยายพันธุ์พืช การผลิตและเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช การป้องกันและกำจัดโรคแมลงศัตรูพืชแบบผสมผสาน และการแปรรูปถนอมอาหารจากผลผลิตทางการเกษตรมุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมให้ครูนักเรียน และผู้ปกครอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันทำการเกษตร แบบผสมผสาน พัฒนาโรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในครัวเรือน และขยายผลไปสู่ชุมชน
- สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก ดำเนินการโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันฯ จำนวน 20 โรงเรียน



โครงการการพัฒนาด้านการเกษตรในเขตพระราชฐาน จังหวัดนครนายก
- สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาด้านการเกษตรในเขตพระราชฐานในพื้นที่พระตำหนัก A1 ในพื้นที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในเรื่องการดูแลแปลงแม่พันธุ์มะยงชิดและแปลงรวบรวมพันธุ์ไม้ และการป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยชีววิธี เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้แนะนำให้เกษตรกรไปปฏิบัติในพื้นที่แปลงตนเอง โดยให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพและมีเทคโนโลยีการจัดการแปลงอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

